นักลงทุนกว่า 1,500 คนเตรียมยื่นฟ้องแบบกลุ่มต่อผู้ผลิตรากฟันเทียม

Osstem Implant ซึ่งได้รับผลกระทบจากเรื่องอื้อฉาวการยักยอกเงินครั้งใหญ่ อยู่ที่ทางแยกที่ต้องเผชิญกับการเพิกถอนหลักทรัพย์ โดยตลาดหลักทรัพย์เกาหลี (KRX) จะตัดสินโดย 24 ม.ค. อย่างเร็วที่สุดไม่ว่าหุ้นของผู้ผลิตรากฟันเทียมจะได้รับอนุญาตให้ซื้อขายต่อได้หรือไม่หลังจากถูกระงับอย่างไม่มีกำหนด

การตัดสินใจดังกล่าวจะเกิดขึ้นท่ามกลางความหวาดกลัวในหมู่ผู้ถือหุ้นของ Ossteem ว่าพวกเขาจะสูญเสียเงินที่พวกเขาลงทุนในบริษัท จากการยักยอกเงินหลายล้านดอลลาร์จากกองทุน Ossteem ที่กระทำโดยพนักงาน

จำนวนเงิน 188 พันล้านวอน (157.9 ล้านดอลลาร์) เชื่อกันว่าคิดเป็นร้อยละ 91.81 ของทุนของ Osstem ที่ 204.76 พันล้านวอน คดีนี้เป็นคดียักยอกทรัพย์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทจดทะเบียนในประเทศ

Osstem สัญญาว่าจะใช้ “ความพยายามอย่างเต็มที่” เพื่อดึงเงินและดำเนินการซื้อขายหุ้นต่อ หลังจากที่ KRX ซึ่งเป็นผู้ประกอบการด้านตลาดหุ้นของประเทศ ระงับหุ้นจากตลาดรอง KOSDAQ เกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาว ซึ่งเผยแพร่สู่สาธารณะผ่านกฎระเบียบของบริษัท ยื่นเมื่อวันที่ 3 มกราคมผู้ถือหุ้นส่วนน้อยมากกว่า 1,500 รายของ Osstem พบว่ามาตรการของผู้ผลิตรากฟันเทียมไม่เพียงพอ พวกเขากำลังเตรียมยื่นฟ้องแบบกลุ่มต่อบริษัท

• “สำหรับฉากหลังนี้ KRX จะตัดสินใจว่าควรดำเนินการซื้อขายหุ้นต่อหรือไม่ หลังจากที่ตรวจสอบงบดุลของบริษัท การจัดการและปัจจัยอื่นๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วที่อาจส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความโปร่งใสของธุรกิจและการคุ้มครองสิทธิของนักลงทุน” KRX กล่าวในแถลงการณ์

KRX กำลังพิจารณาว่า Osstem ต้องการการตรวจสอบคุณสมบัติที่จะตัดสินใจว่าจะอนุญาตให้หุ้นกลับมาซื้อขาย เพิกถอนบริษัท หรือให้ช่วงการปรับปรุงหรือไม่ การพิจารณานี้อาจขยายเวลาเพิ่มอีก 15 วัน การระงับจะถูกยกเลิกและการซื้อขายจะเริ่มอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม หากตลาดหุ้นพบว่าหุ้น Osstem มีคุณสมบัติที่จะทำเช่นนั้น

ในทางกลับกัน การห้ามซื้อขายจะยังคงมีผลเป็นเวลาหนึ่งปีหาก KRX ตัดสินว่าการซื้อขายสามารถเริ่มต้นใหม่ได้หลังจากปรับปรุงเงื่อนไขที่จำเป็นบางอย่างแล้วเท่านั้น

การเพิกถอนที่เป็นไปได้จะต้องได้รับความยินยอมขั้นสุดท้ายจากคณะกรรมการกำกับดูแลตลาดของ KRX ผู้ถือหุ้นส่วนน้อยคาดว่าจะดำเนินการต่อไปตามผลลัพธ์ 24 ม.ค. พวกเขามักจะแสวงหาการชดเชยโดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ ในขณะที่จำนวนเงินชดเชยที่พวกเขาแสวงหาจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานการณ์ “เราจะสามารถประเมินจำนวนความสูญเสียที่เราได้รับเมื่อการซื้อขายกลับมาทำงานอีกครั้ง” ทนายความที่ได้รับการว่าจ้างจากผู้ถือหุ้นรายหนึ่งกล่าว โดยสังเกตว่าราคาหุ้นมีแนวโน้มลดลงมากที่สุดหลังจากกลับมาซื้อขายอีกครั้ง

“ในกรณีที่ถูกระงับและเพิกถอนเป็นเวลานาน การคำนวณความสูญเสียของเราจะซับซ้อนมากขึ้น” เขากล่าว

ในขณะเดียวกัน KOSDAQ ได้ผ่านการเทขายจากนักลงทุนต่างชาติจำนวนมากตั้งแต่ต้นปี ซึ่งผู้สังเกตการณ์ตลาดกล่าวว่ามีความเชื่อมโยงกับคดียักยอก Osstem นักลงทุนต่างชาติเทหุ้นสุทธิ 1.33 ล้านล้านวอนในตลาดหุ้นจูเนียร์ระหว่างวันซื้อขายแรกของปีในวันที่ 3 ม.ค. ถึง 15 ม.ค. ตลาดที่มีเทคโนโลยีสูงได้ถอยกลับไปอยู่ที่ระดับ 970 หลังจากปิดที่ 1,033.98 ที่ สิ้นปี 2564

อ่านบทความข่าวสารอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ outerislandtours.com อัพเดตทุกสัปดาห์