ระหว่างการแข่งขัน  กิโรดิตาเลีย ที่ประสบอุบัติเหตุ สภาพอากาศเลวร้าย โรคภัยไข้เจ็บ และการถูกทอดทิ้ง สเตจที่ 12 จากบราถึงริโวลีได้ให้เหล่าทหารม้าได้หยุดพักก่อนที่จะเริ่มธุรกิจอย่างจริงจังอีกครั้ง เส้นทาง 185 กม. (115 ไมล์) ซึ่งมีการปีนเขาสองครั้ง เป็นวันที่สมบูรณ์แบบ

สำหรับผู้เข้าแข่งขัน GC ที่ต้องอยู่อย่างปลอดภัยและให้ผู้ขับขี่ในช่วงเบรกอเวย์ได้มีวันพักผ่อน และพวกเขาก็ทำเช่นนั้น เมื่อลงจากเวทีมาเป็นการสปรินต์สามทางที่ นิโค เดนซ์ (เบสท์–ฮันส์โกรเฮอ) คว้าไว้ได้สบายๆ ซึ่งเป็นชัยชนะครั้งแรกในสเตจ แกรนด์ทัวร์ ของเขา ทอมส์ สคูยินช์ (เทรค–เซกาเฟรโด) เป็นอันดับสอง ขณะที่ เซบาสเตียน เบอร์วิก (อิสราเอล-พรีเมียร์ เทค) จบอันดับสาม

ผู้นำการแข่งขันโดยรวม เกอเรนท์ โทมัส เข้าเส้นชัยในขบวน เปโลตัน

การต่อสู้เพื่อแย่งชิงแม็คเลีย โรซ่าจะกลับมาดำเนินต่ออย่างจริงจังในวันศุกร์นี้ เนื่องจากการแข่งขันวิ่งขึ้นสู่เทือกเขาแอลป์เป็นครั้งแรก โดยข้ามพรมแดนสวิสเพื่อไปสิ้นสุดยอดเขาที่สกีรีสอร์ทของ คร็อง มอนทาน่า เดนซ์ได้เป็นส่วนหนึ่งของการโจมตีด้วยผู้ขับขี่ 5 คนจากด้านหน้าของกลุ่มเบรกอะเวย์ขนาดใหญ่

โดยเหลืออีกเพียง 90 กม. อเลสซานโดร โตเนลลี่ถูกทิ้งใกล้กับจุดสูงสุดของการปีน โคล เบรด้าทิ้ง เดนซ์, ทอมส์ สคูยินช์ และ เบอร์วิคเพื่อชิงชัย ในการเข้าเส้นชัยที่ริโวลี เดนซ์ตีขึ้นหน้าได้ และสกูจินส์ก็สร้างความประทับใจไม่ได้ก่อนที่นักบิดชาวเยอรมันจะโห่ร้องยินดีขณะที่เขาข้ามเส้น

“ในการปีนครั้งสุดท้าย ฉันอยู่ในขีดจำกัดของตัวเอง ฉันแทบจะไม่ได้ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดเลย” เดนซ์กล่าว อาการบาดเจ็บ ผู้ซึ่งทำหน้าบูดบึ้งขณะเดินขึ้นเนิน “เมื่อฉันประสบความสำเร็จทุกอย่างก็กลับมารวมกัน ฉันยังจบสกอร์ได้ค่อนข้างเร็วและนั่นช่วยฉันได้ในที่สุด

เดนซ์เป็นส่วนหนึ่งของสามผู้นำที่แยกทางกันในการปีนรอบสุดท้ายของวัน

แต่รวมยอดเป็นหนึ่งเดียว จากนั้น เดนซ์ก็เอาชนะ ทอมส์ สคูยินช์ (เทรค–เซกาเฟรโด) จากลัตเวียและ เซบาสเตียน เบอร์วิกผู้เปิดตัวชาวออสเตรเลีย (อิสราเอล–พรีเมียร์เทค) ในการแข่งขันลากเส้นอันน่าตื่นเต้นที่ ริโวลี

ในวันที่ต้องพ่ายแพ้ให้กับทีมตัวเก็งประเภททั่วไป เกอเรนท์ โทมัส (อิเนียส เกรนาเดียร์) ทหารผ่านศึกชาวเวลส์เข้าเส้นชัยได้อย่างปลอดภัยในกลุ่มผู้เล่นหลักโดยใช้เวลาแปดนาทีโดยค้างชำระ 

ก่อนการแข่งขันในวันศุกร์ที่ คร็อง มอนทาน่า โธมัสยังคงเป็นผู้นำสองวินาทีที่เพรียวบางของเขาเหนือ พรีมอซ โรกลิช (ทีมจัมโบ้ – วิสม่า) ของสโลวีเนีย โดยมี จัว อัลเมดา ของโปรตุเกส (ยูเออี ทีม เอมิเรตส์) ที่ซุ่มซ่อนอยู่อีก 20 วินาทีในอันดับที่สาม

ทีมเทรค–เซกาเฟรโดของ สคูยินช์มีชาย 4 คนนำทาง แมดส์ พีเดอร์เซน ไปสู่จุดสูงสุดในการวิ่งระยะกลางครั้งแรกบนเนินเขา แลงเหอที่งดงามขณะที่ เดนซ์เคลื่อนตัวไปในระยะ 24 จุดของ ไซคลาเมน ของ โจนาธาน มิลานจากอิตาลี (ชัยชนะของบาห์เรน)

หลังจากเบรกอเวย์พังราบบนที่ราบโล่งขณะที่ฝนกระหน่ำ สคูยินช์เข้าโจมตี โคล เบรด้าหลายครั้ง แต่ไม่สามารถทิ้ง โลโก้ผู้ขายเบอร์วิคหรือ เดนซ์ได้ ทั้งสามคนขึ้นไปถึงยอดสูงสุด 40 กม. จากเส้นชัยโดยมีช่องว่างกว่าสามนาทีในกลุ่มผู้ไล่ล่าที่ไม่เป็นระเบียบ – และแม้จะมีช่วงเวลาที่ลำบากเล็กน้อยบนทางลงที่เปียกชื้น แต่พวกเขาก็มั่นใจว่ามันจะเป็นการต่อสู้แบบสามทางเพื่อแย่งชิงที่เส้นชัย

เดนซ์ยังคงพยายามเสี่ยงโชคบนทางลาดขึ้นเขาโดยเหลืออีก 12 กม.

สคูจินส์ก็คว้าไว้ได้และเบอร์วิคก็มุดลึกเพื่อต่อสู้กลับเข้าสู่ช่วงชิง นายใหญ่ชาวเยอรมัน – ขี่  กิโรดิตาเลีย คันที่หกของเขา อุทิศตำแหน่งแรก จากนั้นได้พิสูจน์สายเลือดที่ทรงพลังของเขาในการวิ่งรอบสุดท้ายเพื่อคว้าชัยชนะทางอารมณ์ ห้าปีหลังจากที่เขาพลาดให้ Matej Mohoric อย่างหวุดหวิดในสเตจที่ 10 ของการแข่งขันรุ่นปี 2018

“ฉันไม่รู้จะพูดอะไร – มันยิ่งใหญ่มากสำหรับฉัน และเห็นได้ชัดว่าฉันภูมิใจมาก” เดนซ์กล่าว “ก่อนอื่น ฉันไม่ควรอยู่ในช่วงเบรกอะเวย์ แต่ฉันได้รับไฟเขียวให้ไป ฉันมองไปรอบๆ และถูกล้อมรอบด้วยสัตว์ประหลาด 

ดังนั้นฉันจึงคิดว่าฉันจะช่วย [เพื่อนร่วมทีมของ เบสท์–ฮันส์โกรเฮอ] คอนนี่[แพทริก คอนราด] เพื่อชัยชนะ “ฉันรู้ว่าฉันต้องการโจมตีนักเตะตัวเล็กซึ่งฉันก็ทำ แน่นอนว่าทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ผมจบสกอร์ได้เร็ว และนั่นช่วยผมไว้ได้ในที่สุด ตอนนี้ฉันอยู่เหนือดวงจันทร์แล้ว”

เวลาเปิดทำการอันน่าตื่นเต้นเมื่อ เปโลตัน แยกออกจากกัน เวทีระยะทาง 185 กม. เป็นภาพที่น่าตื่นตาตั้งแต่จุดเริ่มต้น เนื่องจากถนนที่ขรุขระบนเนินเขา แลงเหอที่สวยงามเป็นฉากหลังที่เหมาะสำหรับชั่วโมงเปิดทำการที่ดุเดือด ซึ่งในที่สุดก็มีนักปั่น 30 คนมารวมตัวกัน

แหล่งที่มาจาก theguardian.com , eurosport.co.uk